เว็บดูบอลสดฟรี

แมนยูหลังเหตุการณ์มิวนิค หลังเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มิวนิค เหตุเครื่องบินตก

แมนยูหลังเหตุการณ์มิวนิค หลังเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มิวนิค เจาะลึกเรื่องราวในเหตุการณ์

แมนยูหลังเหตุการณ์มิวนิค หลังเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มิวนิค โศกนาฏกรรมมิวนิค 1972 อีกหนึ่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ของโลกฟุตบอลโดยเฉพาะ ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด โดยถือเป็นหนึ่งใน อุบัติเหตุกับ สโมสรฟุตบอล

เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุด ในโลกที่ไม่มีใคร อยากให้เกิด เลยก็ว่าได้ กับเหตุการณ์ในครั้งนั้น ที่เป็นเหตุการณ์เครื่องบินตก ของสโมสรแมนยูไนเต็ด ที่ต้องเสียนักเตะ จากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ถึง8คนและผู้สูญเสียอีกมากมาย

โดยในเรื่องราว ของความสูญเสีย ของแมนยูไนเต็ดและในโลกฟุตบอล ในครั้งนั้นเริ่มต้นที่ นักเตะทีมชุดใหญ่ ของแมนยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ที่ในช่วงเวลานั้น ยังไม่ได้รับยศเซอร์ เว็บดูบอลสดฟรี

กำลังเดินทางกลับ จากการแข่งขันฟุตบอลรายการยูโรเปียนคัพ หรือยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกในปัจจุบันที่ ถือเป็นถ้วยสโมสรที่ใหญ่ที่สุด ในเวลานั้น ในเกมฟาดแข้งกับทีม เรดสตาร์ เบลเกรด โดยเครื่องบินไฟลท์ BE609

ปัญหาอยูที่ เครื่องบินลำนั้น มีน้ำมันไม่เพียงพอ ต่อการเดินทางกลับ เพื่อไปอังกฤษ จึงต้องแวะเติมน้ำมัน ที่สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมัน แต่พอเติมน้ำมันเสร็จ แล้วนักบินไม่สามารถ นำเครื่องขึ้นได้ตามปกติ

เครื่องบินลื่นไถล ออกนอกรันเวย์ ชนรั้วสนามบินและ บ้านข้างเคียง แล้วระเบิดในที่สุด อุบัติเหตุครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิตรวม 23คน ซึ่งถือเป็นการสูญเสีย ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ในโลกฟุตบอลที่ ถูกบันทึกเอาไว้อีกด้วย

โดยการสูเสียครั้งนั้น เป็นนักเตะทีมแมนยูไนเต็ด 8คน ได้แก่ โรเจอร์ ไบรน์, เจฟฟ์ เบนท์, เดวิด เพ็กก์, มาร์ก โจนส์, บิลลี่ วีแลน, เอ็ดดี้ โคลแมน, ทอมมี่ เทย์เลอร์, ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส และทีมสตาฟฟ์อีกจำนวน 3คน

นักเตะทั้ง 8คนนี้ คือกำลังสำคัญ เป็นความหวังและ อนาคตของยูไนเต็ด ในยุคนั้น ที่กำลังเจิดจรัสสุดๆ แต่อนาคตที่หวังไว้ ก็พังลงไป ในความมืดมิดนั้น ยังเหลือแสงรำไร อยู่บ้างตรงที่ผู้จัดการทีมอย่างแม็ตต์ บัสบี้รอดชีวิต

และเขาได้สร้างทีม แมนเชสเตอร์ยูไเนเต็ดขึ้นมาใหม่ แมน ยู 1950 โดยมีนักเตะที่รอดชีวิต จากอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นกำลังสำคัญ หนึ่งในนั้นคือ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน นักเตะผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

แมนยูหลังเหตุการณ์มิวนิค หลังเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มิวนิค หลังเหตุการณ์เครื่องบินตก

ถึงแม้ว่าสโมสรแมนยูไนเต็ด จะพบเจอกับความสูญเสียอย่างหนัก ในช่วงเวลานั้น นักเตะ แมน ยู เสียชีวิต และมีหลายสโมสรต่าง แสดงความช่วยเหลือ ให้กับสโมสรแมนยูไนเต็ดหลายทีม รวมถึงทางสโมสรลิเวอร์พูล ที่เป็นอริในสนามกันก็ตาม

แต่หากมีเรื่องความสูญเสีย เกิดขึ้นและเรื่องราวนอกสนาม ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด 2ทีมนี้ ทั้งแมนยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล ต่างก็เป็น2สโมสร ที่จะไม่ทิ้งกัน และเป็นคู่แข่งที่ ต่างขาดกันไม่ได้ อย่างเด็ดขาดในทุกยุค ทุกสมัย แทงบอล

ด้วยในช่วงเวลานั้น กับแนวทางของสโมสร ที่เชื่อมั่นในความทรนง การเชื่อมั่น และสร้างทุกสิ่งขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง ดังนั้นแมนยูไนเต็ด จึงเลือกปฏิเสธ การรับความช่วยเหลือ ที่เปรียบเหมือนการยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น

แต่พวกเขาคิด จะสร้างมันขึ้นมา ใหม่อีกครั้ง และนั่นคือ ยูไนเต็ดดีเอ็นเอ ที่ถูกปลูกฝังจากตอนนั้น ที่พวกเขาไม่เคย คิดที่จะยอมแพ้ เพราะในช่วงเวลานั้น แม้บัสบี้ จะไม่สามารถ คุมทีมได้แต่มือขวาของเขาที่ชื่อ จิมมี่ เมอร์ฟี่

พร้อมจะรับช่วงต่อ ตัวของ จิมมี่นั้น ไม่ได้เดินทางไปที่เบลเกรด ด้วยเพราะติด ภารกิจคุมทีมชาติเวลส์พอดี เชิดหน้าเข้าไว้ จิมมี่ ทำให้ธงของพวกเราปลิวไสวเหมือนที่เคย นี่คือภารกิจที่บัสบี้ มอบให้กับ จิมมี่ เมอร์ฟี่

ที่รับไม้ต่อและ ปฎิบัติตาม อย่างเต็มใจ จิมมี่ไปคว้าตัวนักเตะใหม่ ได้เท่าที่เงินของ สโมสรจะมี หลังจากนั้น พวกเขาใช้ สถิติ แมน ยู การดันนักเตะเยาวชน ในทีมขึ้นชุดใหญ่ทั้งหมด รวมถึงการเอา อดีตนักเตะที่เคยแขวนสตั๊ด กลับมาช่วยทีมอีกครั้ง

แมนยูหลังเหตุการณ์มิวนิค

แมนยูหลังเหตุการณ์มิวนิค หลังเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มิวนิคแนวทางของสโมสรหลังเหตุการณ์เครื่องบินตก

แม้จะเกิดเหตุการณ์ ในการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่เหล่านักเตะ ที่สร้างขึ้นมาในตอนนั้น แมน ยู แชมป์สโมสรโลก บวกกับกุนซือผู้ช่วย ที่ขึ้นมาทำทีมแทน ในตอนนั้น ถือเป็น การผสมผสาน ระหว่างกุนซือใจสู้ นักเตะหน้าใหม่ แข้งเก่าที่ยังมีหัวใจ เป็นยูไนเต็ดเต็มขั้น

ทำให้แมนยูไนเต็ด เดินหน้าต่อไปได้ อย่างสง่าผ่าเผย แม้ว่าผลงาน จะตกลงไป อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่การจบอันดับ9 ของตารางคะแนน ในปีนั้นก็ถือว่าเป็น ภารกิจที่สุดยอดของ จิมมี่ เมอร์ฟี่ ที่ถือปรัชญาอันทรนง

ของทีมลงสนามและ แสดงถึงความเป็นยูไนเต็ด ที่แท้จริง “แม้เราจะโศกเศร้า เสียใจกับ ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่เราเชื่อว่า วันเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ จะกลับมาหาเราอีกครั้ง” จิมมี่ เมอร์ฟี่ กล่าวในวันนั้น แมนยูยุคมิวนิค

และเล่าถึงเหตุการณ์ ที่ทีมกลับมา ลงสนามครั้งแรก หลังเหตุเครื่องบินระเบิด ที่มีแฟนบอลเข้ามาเต็มความจุของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับนักเตะในทีม ซึ่งมันทำให้รู้ว่าเขาคิดไม่ผิดที่รับงานแทน บัสบี้

และเลือกสู้ต่อใน วิถีทางที่ควรจะเป็น ความเป็น ยูนิตี้ หรือเป็นหนึ่งเดียวกัน ของยูไนเต็ด ได้ทำให้ฝันร้าย ทั้งหมดในช่วงเวลานั้นผ่านไป ด้วยทุกอย่างรวมถึงแฟนบอล ที่คอยเข้ามาให้กำลังใจ และแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกัน

คอยเชียร์ทุกนัดและ แสดงพลังอยู่ข้างสนาม พวกเขาเริ่มสร้างทีม ขึ้นมาใหม่ทีละนิดๆ จากนักเตะผู้รอดชีวิตในวันนั้น รวมถึง แม็ตต์ บัสบี้ ที่ชั่งใจอยู่นาน ว่าจะกลับมา ทำงานที่ตัวเองรัก อีกครั้งหรือไม่ หลังจากเกิดการสูญเสีย

เขาต้องพักฟื้นเป็น เวลาสักพักแถม ต้องใช้เวลาก่อนที่เขา แมน ยู ผู้เล่น จะหาคำตอบเจอว่า “ภารกิจที่นี่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์” มันยังมีความรู้สึก ติดค้างในใจของเขา หากยังไม่พาแมนยูไนเต็ด ไปอยู่ในจุดที่ เหล่านักเตะที่เสียชีวิต ต้องการสร้างความยิ่งใหญ่ใ ห้กับสโมสร

การกลับมาของแมนยูไนเต็ดจากการกลับมาของ เซอร์แมตช์ บัสบี้ที่กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของสโมสรแมนยูไนเต็ด

เมื่อบัสบี้ตัดสินใจกลับมา ก็เหมือนกับ เครื่องจักรที่ได้ ผู้ควบคุมที่รู้ทุกจุด ประวัติ นักฟุตบอล แมน ยู สิ่งใดควรเสริม สิ่งใดควรสร้างใหม่ บัสบี้ผนึกกำลังกับจิมมี่ เมอร์ฟี่ในการนำ ยูไนเต็ดกลับมา เป็นเจ้าแห่ง เกาะอังกฤษอีกครั้ง ทีมปีศาจแดงในตอนนั้น

ปั้นทีมบัสบี้เบ๊บส์ เจเนเรชั่น 2 ที่นำโดย จอร์จ เบสต์ ดาวเตะชาวไอร์แลนด์เหนือ รวมถึงการคว้าตัว เดนนิส ลอว์ ดาวยิงเลือด สก็อตต์มาร่วมทีม ประกอบกับการมี บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ในวัยที่กำลังพีกถึงขึดสุด

ทุกอย่างก็สามารถ เดินหน้าต่อไปได้ ราวกับว่าเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่สามารถทำลายสปิริตของ ยูไนเต็ดลงได้เลย และกลับมายิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม และกลายเป็นยูไนเต็ดที่ไม่เคยยอมแพ้ อย่างทุกวันนี้

ความสำเร็จของบัสบี้ และบัสบี้เบ๊บส์ เจเนเรชั่น2 ที่กลายเป็นตำนานของโลกฟุตบอล

โดยบัสบี้ เบ๊บส์รุ่น2 ใช้เวลาฟื้นคืน จากทีมกลางตาราง สู่ทีมที่เป็นแชมป์ ได้ภายในเวลา 7ปีเท่านั้น แมน ยู ไม่ได้แชมป์ มา 40 ปี ยูไนเต็ดกลับมา ควบแชมป์ลีกสูงสุด 2สมัยในปี 1964-1965 และ 1966-1967 ก่อนจะทำ ภารกิจที่ค้างคาไว้ได้สำเร็จ

ด้วยการคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ ครั้งแรกของสโมสรในปี ค.ศ.1968 และเมื่อถึงจุด ที่คว้าทุกแชมป์ และวางรากฐานเอาไว้จนครบ บัสบี้ก็ประกาศลาออกในอีก 1ปีหลังจากนั้น ด้วยความสำเร็จ แบบเต็มภาคภูมิ ตามที่ตั้งใจไว้

Scroll to Top