เชลซียุคเก่า สโมสรเชลซียุคก่อนเสี่ยหมี ทำความรู้จักกับเชลซียุคก่อนเป็นสิงห์ไฮโซ

เชลซียุคเก่า สโมสรเชลซียุคก่อนเสี่ยหมี ยุคของเชลซีที่ก่อนเสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิชมาซื้อทีม

เชลซียุคเก่า สโมสรเชลซียุคก่อนเสี่ยหมี เชื่อว่าแฟนบอลหลายคน คงจะสงสัยว่า สโมสรเชลซีก่อน เสี่ยหมีเข้ามาซื้อทีม เป็นอย่างไรหลายคน คงจะเคยได้ยิน คำว่าท็อป4 ที่มีสโมสรชั้นนำ ของศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ที่ประกอบไปด้วย เชลซี, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แฟนเชลซีและแฟนฟุตบอล ส่วนใหญ่ เข้าใจมาก่อนอยู่แล้วว่า เชลซีคือสโทสรที่ใหญ่ มาก่อนอยู่แล้ว เพราะสามารถขึ้นเป็นสโมสรชั้นนำของลีกได้

และน่าจะปนะสบความสำเร็จ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทั้งยังอยู่ในอังกฤษอีกด้วย เชื่อว่ามีแฟนบอลหลายคน ที่ไม่รู้มาก่อนว่า เชลซีนั้นพึ่งมามีชื่อเสียง ช่วง20-30 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะก่อตั้ง พรีเมีลร์ลีกไม่กี่ปีเท่านั้น

โดยชายที่เป็นเจ้าของทีม ที่ชื่อว่าแมธธิว ฮาร์ดิ้ง ที่ส่งให้สโมสรเชลซี กลายเป็นทีมใหญ่ เพราะหากพูดถึงทีมในลอนดอน ช่วงก่อนหน้าแมธธิว ฮาร์ดิ้งจะมาทำทีมนั้น ลอนดอนนั้น มีสโมสรอันดับ1 คืออาร์เซนอล เว็บดูบอลสดฟรี

และสโมสรคู่แข่ง จนถึงยุคสมัยนี้อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่หากเป็นแฟนของ2ทีมนี้ จะรู้ว่า 2ทีมนี้เป็นคู่แข่ง และไม่ถูกกันมาอย่างยาวนาน แต่กับเชลซีนั้น ไม่ได้เป็นอริกันโดยตรง แบบที่แฟนบอลทีมไม่ถูกกัน เหมือน2ทีมนี้

เพราะต้องยอมรับว่า ยุคสมัยก่อนจะมี แมธธิว ฮาร์ดิ้งเชลซี ถือเป็นสโมสรกลางๆ ค่อนข้างไม่ค่อย นักเตะที่เคยอยู่เชลซีทั้งหมด มีชื่อเสียงหรือ ประวัติศาสตร์เท่าไหร่ เป็นรองจากสโมสรเวสต์แฮม ในช่วงเวลานั้นด้วยซ้ำไป ที่มีชื่อเสียงกว่า เชลซีเป็นอย่างมาก

ในช่วงเวลานั้น เพราะต้องยอมรับว่า สโมสรเชลซีเป็นทีมฟุตบอล ที่ไม่มีชื่อเสียง และคนท้องถิ่น ในลอนดอนส่วนใหญ่ ก็มักจะสนับสนุน 3ทีมอย่าง อาร์เซนอล, สเปอร์ และเวสต์แฮม มากกว่าจะสนุบสนุนทีมอย่าง เชลซีในตอนนั้นมากกว่า

เชลซียุคเก่า สโมสรเชลซียุคก่อนเสี่ยหมี การก้าวเข้ามาของแมธธิว ฮาร์ดิ้งผู้เปลี่ยนเชลซีไปตลอดกาล

โดยแมธธิว ฮาร์ดิ้งนั้นถือเป็นเจ้าของทีม ที่สามารถเปลี่ยนทีมที่ไม่มีอะไร ให้กลายเป็นสโมสรชั้นนำได้อย่างไร เพราะมีเงินแค่นั้นเหรอ บอกเลยว่าเงินไม่เท่าไหร่ แต่วิธีคิดและ การบริหารพัฒนาต่างๆ ที่ส่งให้เชลซีกลายเป็นบิ้กทีม

เพราะต้องเล่าก่อนว่าฮาร์ดิ้งนั้น เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย พ่อและแม่ของเขานั้น ส่งเรียนหนังสือ ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มหาลัยชั้นนำของโลกเพียงแต่ว่าเขานั้น ไม่ชอบเรียนหนังสือ วิชาเดียวที่เขาได้เกรดเอคือ ภาษาละติน

ส่วนวิชาที่เหลือก็ ลุ่มๆ ดอนๆ ตามประสาลูกเศรษฐีที่ถือสโลแกนว่า เรียนไม่มา กีฬาไม่ขาด นักเตะเชลซี 2007 ฮาร์ดิ้งเป็นเด็กที่ บ้ากีฬาฟุตบอลระดับที่วันๆ ให้ดูแต่ฟุตบอล อย่างเดียวก็ยังได้ โดยเฉพาะเรื่องราวของทีมรักของเขาอย่างเชลซี

ทุกซอกทุกมุม ของสโมสรแห่งนี้ ไม่มีสิ่งที่สามารถหลบซ่อน จากสายตาของเขาได้ เพื่อนๆ ของฮาร์ดิ้ง เล่าว่า หมอนี่บ้าเชลซีในระดับ ที่มากกว่า การเข้าไปชมเกม 90นาทีในสนาม ทุกครั้งที่เกมจบลง เขาจะฉลองชัยนอกสนาม

ไปกับแฟนบอลเชลซี ท้องถิ่นคนอื่นๆ ภาพของ ฮาร์ดิ้งสวมเสื้อ เชลซียุคคลาสสิก คือภาพที่คุ้นตามาก ราย ชื่อนักเตะ เช ล ซี 2006 เขาจะเดินไป คุยกับแฟนบอล ของทีมอย่างเต็มใจแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม แสดงให้เห็นว่า เขารักเชลซีมาก

และทักษะการเจรจา ของเขานั้นเป็นเลิศ ว่ากันว่าหากฮาร์ดิ้ง ได้คุยกับใคร เเล้วล่ะก็ คู่สนทนาจะ ตั้งใจฟังเขา อย่างเปิดใจและ ไม่รู้สึกอึดอัด แม้จะเป็นคนแปลกหน้า และเพิ่งได้คุยกัน ครั้งแรกก็ตาม การหายใจเข้าออก มีแต่สโมสรเชลซี

เปลี่ยนให้เขา กลายเป็นที่นิยม ชมชอบของเหล่า แฟนบอลท้องถิ่น ตั้งแต่ที่ยังไม่มียศ มีตำแหน่งในสโมสร เลยด้วยซ้ำไป โดยจุดเปลี่ยนคือในปี 1993 ที่สโมสรเกือบจะตกชั้น และแฟนบอลเริ่มไม่ไหว กับฟอร์มและทุกอย่างในสโมสร แทงบอล

ที่หากเทียบกับ ทีมอื่นๆ ภายในลีกต่างก็ กำลังพัฒนาเพิ่มขึ้น การเป็นแฟนเดนตาย บวกกับมีทรัพย์สินในมือถึง 170ล้านปอนด์ ทำให้ฮาร์ดิ้ง ไม่มีความสุขมากนัก กับสภาพทีม ที่ยิ่งเล่นยิ่งสิ้นหวัง และอนาคตก็มืดดับลงเรื่อยๆ

นั่นคือเหตุผล ที่ทำให้คนหนุ่ม ผู้ไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่สนใจเรื่องของ การทำธุรกิจกับฟุตบอล ได้หยิบสองสิ่ง ที่เขารักและรวมกันเพื่อสร้างให้ เป็นศาสตร์ของ การเป็นเจ้าของทีม ที่ภายหลังกลายเป็น ความสำเร็จอย่างมาก

เชลซียุคเก่า สโมสรเชลซียุคก่อนเสี่ยหมี การลงทุนทีมด้วยจำนวนที่มหาศาลในยุคนั้น

เมื่อกายพร้อมใจพร้อม ส่วนเรื่องเงิน ก็พร้อมมาตั้งแต่เกิด จึงได้เวลาที่ฮาร์ดิ้ง ติดต่อไปยัง เคน เบตส์ ประธานสโมสร ที่ขึ้นชื่อเรื่อง ความเป็นผู้บริหารระดับเขี้ยวลากดิน และเมื่อมีคนรุ่นใหม่ เดินเข้ามาเคาะประตู

แล้วบอกว่าจะ ให้เงินลงทุนกับทีมราว 30ล้านปอนด์ มีหรือที่ เบตส์ผู้แก่พรรษา บนโลกลูกหนังจะปฏิเสธ โดยเบตส์ใช้เงิน ซื้อทีมเชลซีมา ด้วยเงินเพียง 1ปอนด์ เมื่อปี 1982 เขาชอบใจเป็นอย่างมาก กับการได้แรงเงิน หนุนหลังครั้งนี้ การยืมตัวนักเตะ

เขาแต่งตั้งให้ฮาร์ดิ้ง กลายเป็น ผู้อำนวยการสโมสรทันที ซึ่งนอกจากเงินทุน ที่มาพร้อมๆ กับตำแหน่งแล้ว นักเตะเชลซี2012 ศรัทธาของ แฟนบอลท้องถิ่น ก็ทะยานสูงขึ้น ในพริบตา พวกเขารู้ว่า เมื่อคนที่อยากเห็นทีมประสบความสำเร็จ

ได้เข้าไปอยู่ ในฝ่ายบริหาร ทิศทางของสโมสร จะเป็นไปในแบบ ที่พวกเขาอยากเห็น กล่าวคือฮาร์ดิ้ง กลายเป็นตัวแทน ของแฟนเชลซี ทุกหมู่เหล่า ที่มีอำนาจเด็ดขาด ในห้องบอร์ดรูม เชลซีเริ่มขยับจากทีมโซนท้ายตาราง

ขึ้นสู่กลางตาราง อย่างมั่นคง พวกเขาคือทีมระดับ อินเตอร์ที่ใช้นักเตะ ต่างชาติเป็นสัดส่วน แบบครึ่งต่อครึ่ง ทีมแรกของฟุตบอลอังกฤษ ตลาดนักเตะทุกๆ ซัมเมอร์ในยุคของฮาร์ดิ้ง สร้างความตื่นเต้นให้แฟนบอลได้เสมอ

นักะเตะอังกฤษและ ต่างชาติชื่อดัง หลายคนตบเท้า เข้ามาเป็นสมาชิก ของเชลซีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีละนิดๆ นักเตะเชลซี2003 ไม่ว่าจะเป็น เกล็น ฮอดเดิ้ล, รุด กุลลิท, เเดน เปเตรสคู, จานลูก้า วิอัลลี่, จานฟรังโก้ โซล่า, มาร์กแซล เดอไซญี่ และอีกมากมาย

แน่นอนว่าทั้งหมด ที่กล่าวคือ ชื่อแฟนเชลซีได้แต่ฝันเท่านั้นในยุคที่ เบตส์ยังไม่ได้เงินจาก ฮาร์ดิ้งและหากไม่มีเขา เป็นผู้บริหาร ที่สามารถเปลี่ยนเงินทุน และพัฒนาสโมสร ในทางที่ควรจะเป็น เชลซีก็คงไม่กลายเป็นทีมใหญ่

การเข้ามาของฮาร์ดิ้ง ที่เปลี่ยนสโมสรเชลซีให้กลายเป็นโคตรทีมอย่างแท้จริง

โดยหลังจากที่ฮาร์ดิ้ง ให้เงินสนับสนุน พร้อมเป็นผู้บริหาร ในด้านการจัดการ กับสโมสรต่างๆ เขาสามารถ นำเชลซีขึ้นสู่ อันดับต้นๆ ในลีกจนกลายเป็นทีมชั้นนำ หรือที่เรียกกันว่าบิ๊ก4 และยังประสบความสำเร็จ

จากการใช้เงินลงทุน ในการทำให้สโมสรพัฒนา ไปก้าวหน้าขึ้นยิ่งกว่าเดิม ยิ่งนานวันเข้า รายชื่อนักเตะเชลซี 2008 ฮาร์ดิ้งก็เข้าไปยืน อยู่ในหัวใจของ แฟนเชลซีมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ เบตส์เจ้าของทีม ในเวลานั้น ก็แทบกลายเป็นเสือกระดาษ

ที่แฟนบอลไม่เห็นหัว เพราะตอนนั้น แฟนเชลซีทุกคน แทบจะชูมือสนับสนุน ฮาร์ดิ้งทั้งหมด ส่วนตัวของเบตส์เอง ก็ไม่อาจที่จะลบ ภาพลักษณ์ของนายทุนสโมสร หน้าเลือดที่ขูดรีด สโมสรในสายตาของแฟนบอลได้

จุดเริ่มต้นของศึกสงครามภายในสโมสรเชลซี ที่แฟนบอลเชลซีส่วนใหญ่อาจจะไม่ทราบ

หลังจากพัฒนาต่างๆ เกี่ยวกับสโมสรแล้วนั้น ตัวของอาร์ดิ้งเองยัง ควักเงินส่วนตัว สโมสรฟุตบอลเชลซี ให้กับสโมสรยืมอีกจำนวน 5ล้านปอนด์ เพื่อเอาไปต่อเติมอัฒจันทร์ โซนเหนือของสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกด้วย

ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็น ที่มาของการล่มสลาย ของทีมเวิร์คระหว่าง ฮาร์ดิ้งกับเบตส์ ก็ว่าได้โดยที่ฮาร์ดิ้ง ไม่รู้ตัว เมื่อเบตส์ รับรู้ถึงบัลลังก์ ที่เขานั่งอยู่ ว่ามีการสั่นไหวเกิดขึ้น จากการกระทำ ดั่งพ่อพระของคนที่เขายกตำแหน่ง ผอ. ให้

สุดท้ายก็เชื่อฝังใจว่าฮาร์ดิ้ง กำลังจะทำให้ภาพลักษณ์ ของเขาที่เป็นเจ้าของ สโมสรแย่ลงไปเรื่อยๆ จนมีโอกาสที่จะทำให้เขาเสีย เก้าอี้ประธานสโมสรไปในอนาคต ทำให้นี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นของสงครามต่างๆ ภายในเชลซีก็ว่าได้