ดูบอล

เวนเกอร์สโมสรญี่ปุ่น เวนเกอร์สมัยเป็นโค้ชที่ญี่ปุ่น เวนเกอร์สมัยเป็นโค้ชที่ญี่ปุ่น

เวนเกอร์สโมสรญี่ปุ่น เวนเกอร์สมัยเป็นโค้ชที่ญี่ปุ่น เรื่องราวของยอดโค้ชสมัยอยู่ที่ญี่ปุ่น

เวนเกอร์สโมสรญี่ปุ่น เวนเกอร์สมัยเป็นโค้ชที่ญี่ปุ่น โดยเรื่องราวของเวนเกอร์ กับการคุมทีมในประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นขึ้นในปี 1995 เมื่อสโมสร นาโงยะ แกรมปัส ที่กำลังต้องการ โค้ชยุโรปสักคน

ซึ่งสามารถ เข้ามายกระดับและ วิธีการเล่นของทีมได้ และพวกเขา เล็งเป้าไว้ที่ กุนซือชาวฝรั่งเศส ที่มีชื่อว่า อาร์แซน เวนเกอร์ ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นอาร์แซน เวนเกอร์มีประสบการณ์ คุมทีมระดับลีกเอิง

ของฝรั่งเศสมาแล้ว 2สโมสรทั้งกับ น็องซี่ และ โมนาโก นับเป็นจำนวน เกมทั้งหมด 350นัด โดยในช่วงที่เขา คุมโมนาโกนั้น เวนเกอร์เคยพาทีมคว้าแชมป์ลีก สูงสุดมาแล้ว ในฤดูกาล 1987-88 นอกจากนี้

ยังเคยพาโมนาโก คว้าแชมป์บอลถ้วย ในประเทศอีก 1รายการ คือรายการ เฟรนช์ คัพ ในปี 1990-1991 มันเป็นเรื่องที่ ค่อนข้างจะไม่ปกติ เพราะเดิมทีกุนซือ ที่ประสบความสำเร็จ ในลีกอย่างฝรั่งเศส

มักจะเลือกเส้นทาง ที่เดินไปข้างหน้า โดยไปคุมทีมที่ใหญ่กว่า หรือไปอยู่ใน สโมสรที่อยู่ใน ลีกที่แข็งแกร่งกว่า แต่สุดท้ายเวนเกอร์ กลับเลือกตอบข้อเสนอ ที่นาโงยะ แกรมปัสมอบให้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ต้องย้อนกลับไปใน ปี1994 ที่เวนเกอร์ คุมทีมโมนาโกมา 6ปี แล้วเกิดปัญหา เรื่องทีมฟอร์มตก เขาไม่สามารถ ประคับประคองทีม ให้ดีเหมือนเดิมได้ หมดลุ้นแชมป์ ทุกรายการ จากนั้นเขาก็ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง

เวนเกอร์เล่าย้อน ความไปว่า เขาไม่ทันได้เตรียมตัวที่จะต้อง มาเจอกับ การโดนไล่ออก ครั้งนั้น ช่วงที่มีข่าว เล็ดลอดออกมา เวนเกอร์ยอมรับว่า เขาเครียดและ ทำให้สภาวะจิตใจ ไม่ปกตินัก จนเขาทำงานออกมาได้ไม่ดี

และขาดความมุ่งมั่น จากที่เคยเป็น เวนเกอร์อยู่ในช่วงเวลา ที่เคว้งคว้างที่ ต้องการความสุข กับชีวิต และหน้าที่การงาน กลับมาอีกครั้ง เขาได้พบกับ โชอิจิโร โทโดยะ ประธานสโมสรแกรมปัส และได้เริ่มพูดคุยกัน

เวนเกอร์สโมสรญี่ปุ่น เวนเกอร์สมัยเป็นโค้ชที่ญี่ปุ่น เวนเกอร์กับประธานทีมแกรมปัสและโปรเจกซ์100ปี

ในตอนที่พวกเขา ระหว่างเวนเกอร์ และประธานของสโมสรแกรมปัส ท่านประธานบอก กับเวนเกอร์ว่า เหตุผลที่สโมสร อยากได้ตัวเขา มาเป็นโค้ช เพราะว่าสโมสร แห่งนี้วางเป้าหมายว่า ต้องการเป็น ทีมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

และใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเวลา 100ปี นี่คือคำพูด ที่ฟังแล้วดู เพ้อฝันคล้ายๆ กับมังงะญี่ปุ่นหลายเรื่องๆ เวนเกอร์เองก็ รู้ดีว่า โอกาสที่สโมสรจากญี่ปุ่น จะเก่งที่สุดในโลก เป็นไปได้ยากมากๆ ถึงมากที่สุด

ต่อให้มีเวลาเป็น 100ปี แต่วัตนธรรมฟุตบอล ของที่นี่ ก็เพิ่งเริ่มเติบโต แตกต่างกับ ในยุโรปที่เป็น อาชีพมา หลายสิบปีแล้ว หากเป็นสถานการณ์ปกติ เวนเกอร์ที่ยังเป็น กุนซือไฟแรงคง ไม่มีทางรับ ข้อเสนอนี้แน่ ดูบอล

แต่ ณ ตอนนั้นเขาเหมือน กับชายวัยกลางคน ที่กำลังสับสน กับตัวเองว่าสิ่ง ที่ทำมาตลอดชีวิต นั้นถูกหรือผิด เขาเหมาะกับ งานอื่นมากกว่าไหม เขาควรยอมถอยหรือเปล่า คำถามเหล่านี้รบกวนจิตใจเขา ทั้งวี่ทั้งวัน จากหลังตกงาน

ดังนั้นการรับงานที่นาโงยะ แกรมปัสจึงเปรียบเสมือนกับ การที่ใครสักคน อยากหลุด ออกจากกรอบเดิมๆ ไปในที่ ที่เราไม่รู้จัก และแทบไม่มี ใครรู้จักเรา พร้อมกับภาระหน้าที่ ที่แสนจะแฟนตาซี

กับโปรเจ็กต์เก่ง ที่สุดในโลกใน 100ปีที่เป็นไปได้ยาก แต่ก็มีทางเป็นไปได้ หากได้เริ่มลงมือทำ และเวนเกอร์ ตกลงเพื่อ รับข้อเสนอนั้นทันที และนี้คือจุดเริ่มต้นของยอดโค้ช ที่จะนำเขาไปสู่จุดที่เป็นตำนานโค้ช อย่างแท้จริง

เวนเกอร์สโมสรญี่ปุ่น

เวนเกอร์สโมสรญี่ปุ่น เวนเกอร์สมัยเป็นโค้ชที่ญี่ปุ่น ปัญหาที่เวนเกอร์ได้ค้นพบและทำให้เขากลายเป็นยอดโค้ช

โดยตัวของเวนเกอร์เอง ก็ยอมรับว่า ในช่วงเริ่มงานแรกๆ ปัญหาใหญ่คือ เขารู้สึกว่ามี กำแพงกั้นระหว่างเขา กับบุคลากรและ นักเตะในทีมโปรเจ็กต์ เปลี่ยนทีมใหม่ ของเวนเกอร์ค่อยๆ ดำเนินไปในแต่ละวัน

เขาคุมทีมลงซ้อม เองทุกเซสซั่น สอนกันตั้งแต่ วิธีครองบอล ดักบอล ผ่านบอล เรียกได้ว่าไล่กัน ตั้งแต่เบสิก จนนักเตะหลายคน บ่นกันว่าเหมือน ได้กลับไปเป็น นักเรียนอีกครั้ง แม้เรื่องเหล่านี้ จะหลุดมาถึงหูเวนเกอร์

แต่เขาก็ไม่สนใจ เขายืนยัน คำเดิมว่า ทุกอย่างจะต้อง เป็นไปแบบนี้ เพราะสำหรับ ฟุตบอลพื้นฐานคือ สิ่งที่สำคัญที่สุด แรกๆ นั้นนักเตะไม่เปิดใจ และไม่เข้าใจ กับความละเอียด ของเวนเกอร์ เพราะตอนนั้นเจลีกไม่ได้ มีการตกชั้น

ผลงานของทีม จึงไม่ดีนัก ทีมไม่ค่อย จะชนะใคร กระท่อนกระแท่น ไม่ดุดัน ครองบอลไม่เป็น เวนเกอร์ก็ค่อยๆ เริ่มวิเคราะห์ว่าทั้งๆ ที่เขาสอนเรื่องต่างๆ มาเยอะแล้ว แต่ทำไมถึง ไม่ดีขึ้นอย่างที่เขาคิด PG SLOT

เรื่องง่ายๆ ก็คือนักเตะญี่ปุ่น ไม่ได้เป็นคนหัวดื้อ หรือไม่สนใจ สิ่งที่เขาสอน แต่ปัญหาคือ นักเตะในทีมเชื่อสิ่ง ที่เขาสอนมาก ไปต่างหากนักเตะ ในทีมตั้งใจเกินไป พวกเขาทำ ทุกอย่างที่เวนเกอร์สอนเหมือน กับเป็นหุ่นยนต์

ไม่มีการพลิกแพลง และเล่นฟุตบอลด้วยจินตนาการใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนักเตะ ในทีมคิดว่า การใช้จินตนาการ และเล่นเกินที่ โค้ชสั่งถือเป็น ความผิดและ เป็นการไม่ให้เกียรติกัน ดังนั้นฟุตบอลของนาโงยะ แกรมปัสในช่วงแรกๆ

ในยุคเวนเกอร์ จึงเป็นเหมือน กับฟุตบอลที่น่าเบื่อ ไร้ประสิทธิภาพ และจับทางง่ายเกินไป และเมื่อเขารู้ความผิดพลาด ของทีมของเขาและ ได้พบถึง สัจธรรมบางอย่าง ของการเป็นโค้ชที่ทำให้เขาพัฒนาขึ้นมาก

เวนเกอร์ที่ค้นพบปัญหา และสัจธรรมแนวทางฟุตบอล และปรับเปลี่ยนมันจนประสบความสำเร็จ

กำแพงนั้นทลายลง เวนเกอร์เข้าใจ แล้วว่าปัญหาคืออะไร เขาปล่อยให้ นักเตะของตัวเองใช้ จิตนาการในสนาม ทำให้ทุกคน ในทีมเชื่อมั่น มีสภาพจิตใจที่ดี กล้าเล่น กล้าเลี้ยง กล้ายิง เขาสอนให้ทุกคน

มองข้ามวิธีการไปบ้าง ในบางครั้ง และให้ความสำคัญ กับผลลัพธ์มากขึ้น กล่าวคือไม่ต้องเพอร์เฟ็กต์ ถูกต้องตามตำรา แต่ทำให้ฟุตบอล มันเข้าประตูให้ได้ก็พอ เรื่องนี้โดนใจนักเตะอย่าง ดราแกน สตอยโควิช ศูนย์ฝึกลามาเซีย

นักเตะดีกรีทีมชาติยูโกสลาเวีย ที่มาใช้ชีวิต บั้นปลายอาชีพ ที่นาโงยะเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ สตอยโควิช มีปัญหาเรื่องพฤติกรรม และไม่ทุ่มเท ให้กับการซ้อม เพราะเขาเบื่อกับ การซ้อมที่ ซ้ำไปซ้ำมา

แต่การมาของ เวนเกอร์ทำให้ เสือเฒ่าอย่างเขา สนุกอีกครั้ง ไม่ว่าจะทั้งการซ้อม และตอนที่แข่งจริง เพราะนอกจาก จะซ้อมสนุกขึ้นแล้ว เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ก็เข้าใจฟุตบอลมากขึ้น มันจึงทำให้เขา เล่นง่ายขึ้นด้วย

ประสบความสำเร็จกับนาโกย่า แกรมปัสและกลายเป็นโค้ชตำนานของอาร์เซนอลที่สร้างแชมป์ไร้พ่ายขึ้นมา

จบเลกแรกของ ฤดูกาล1995 นาโงยะแกรมปัส ที่จบอันดับบ๊วย ของลีกเมื่อปีที่แล้ว ขยับมาอยู่อันดับ 4 ของตาราง และจบอันดับ เลกสองด้วยการเป็นรองแชมป์ฟุตบอลลีก เหนือสิ่งอื่นใดคือการพาทีมคว้าแชมป์ ฟุตบอลถ้วย

อย่าง เอ็มเพอร์เรอร์ คัพ อีกด้วย ทั้งหมดนี้คือพัฒนาการที่ เวนเกอร์นำมาสู่นาโงยะ แกรมปัสกุนซือที่ กำลังจะหมดไฟ กลับมาสนุกอีกครั้ง กับงานที่เขาทำ เวนเกอร์หลงรัก ทุกวินาทีที่ญี่ปุ่น เขากลับมามีไฟทำงาน

เริ่มจัดการเรื่อง โภชนาการต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลง เมนูอาหารก่อนแข่ง ให้ไม่มีน้ำมัน กินผัก และผลไม้ ที่กรดน้อยๆ เขาซึมเข้าเป็นเนื้อเดียว กับทุกคนในทีม เขาพูดคำง่ายๆ อย่าง Arigato gozaimas หรือขอบคุณมาก

ในทุกครั้งที่ นักเตะของเขา พยายามทำตามที่เขาบอก ไม่ใช่แค่เข้มงวด กับนักเตะในทีม เขากลับมา เข้มงวดกับตัวเองด้วย ในเรื่องราวต่างๆ ทั้งการฝึกซ้อม และการกินของตัวเอง และทำให้เขากลายเป็น โค้ชระดับโลกที่ ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง

Scroll to Top