ปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล ศึกยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก2005 หนึ่งในแมตช์ประวัติศาสตร์

ปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล ศึกยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก2005 การแข่งขันในความทรงจำของแฟนลิเวอร์พูลทุกคน

ปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล ศึกยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก2005 คนทั้งโลกเรียกค่ำคืนอันดื่มด่ำจนเป็นที่ ริษยา ของ “แฟนบอลบางทีม” ว่า ปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบูลปาฏิหาริย์ ที่ทำให้ สโมสรลิเวอร์พูล หงส์แดงตะแคงฟ้า ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้เป็นสมัยที่ 5 มากที่สุดในประเทศอังกฤษ ปัจจุบัน 6 สมัย ในขณะที่ บางทีม

ที่ปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงขาลง ทำได้เพียง 3 สมัย และอาจลดเหลือเพียง 2 สมัย หาก จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมสิงห์บลู เชลซี ไม่พลาดท่า ลื่นล้ม แบบไม่น่าเชื่อ ขณะยิงลูกโทษตัดสินในนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ปี 2008ปาฏิหาริย์” เพราะการ COMEBACKอันใหญ่ยิ่งแล้ว

ณ คืนวันที่ 25พฤษภาคม ปี 2005 มันยังตรงกับเหตุการณ์ที่สโมสรลุ่มแม่น้ำเมอร์ซีย์ไม่มีวันลืมเลือนเพราะมันตรงกับเหตุโศกนาฏกรรมที่ สนามเฮย์เซล สเตเดียม เวียนมาบรรจบครบ 35 ปี พอดิบพอดีอะไรคือเหตุโศกนาฏกรรมที่สนามเฮย์เซล สเตเดียมมันคือ เกมออนไลน์

เหตุการณ์ที่แฟนบอลลิเวอร์พูลยกพวก บุกถล่ม เหล่าสาวกยูเวนตุสถึงบนอัฒจันทร์ เส้นทาง สู่แชมป์ ลิเวอร์พูล 2005 ที่สนามเฮย์เซล สเตเดียม กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ในนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพ ที่ทั้งคู่โคจรมาพบกัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 39 ศพ ส่วนใหญ่เป็นแฟนบอลยูเวนตุส

และบาดเจ็บอีกกว่า 600 คน เมื่อปี 1985 และเพราะ เหตุรุนแรง ที่ THE KOP ก่อเรื่องก่อราวขึ้นนี้เอง ทำให้สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ตัดสิน ลงโทษ ห้ามสโมสรฟุตบอลจากประเทศอังกฤษทุกสโมสร เข้าร่วมการโม่แข้งในศึกถ้วยยุโรปนานถึง 5 ปี

ปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล ศึกยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก2005 กับครึ่งแรกของการแข่งขัน

ปาฏิหารย์ที่อิสบูล เป็นเกมที่แฟนบอลหลายๆคนคงจดจำได้ เกมนี้เป็นเกมนัดชิงชนะเลอศในรายการยุฟ่าแชมเปี้ยนลีคในฤดูกาล 2004-2005 ในเกมนัดนี้เป็นการพบกันระหว่างลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งเกาะอังกฤษ ซึ่งตอนนั้นมีแชมป์รายการนี้อยู่ 4 สมัย

และอีกฝั่งคือ ทีมยักษ์ใหญ่จากอิตาลี ที่มีดีกรีแชมป์ถึง 6 สมัย ในเกมนี้เป็นทีมจากแดนมะกะโรนีขึ้นนำไปก่อน 1 ประตูต่อ 0 จากประตูของกัปตันทีมอย่างมัลดินี่ที่ฮาร์ฟวอลเล่ย์จากลูกเปิดของ อังเดร ปิโล่เข้าไป เส้นทาง แชมป์ UCL ลิเวอร์พูล 2005 ต่อมาเอซีมิลานได้ประตูนำห่าง 2 ต่อ 0

จากประตูของเฮิอนาน เคสโปร์ที่แปโล่งๆจากลูกเปิดของอังเดร เชฟเชงโก้ ก่อนจบครึ่งเวลาแรกกองหน้า ร่างเล็กแดนมะกะโรนีส ามารถเพิ่มสกอร์ให้ตนเองได้ จบครึ่งเวลาแรก เอซีมิลานนำลิเวอร์พูล 3-0 ซึ่งนักเตะลิเวอร์พูลก็หมดหวังในการคว้าแชมป์แล้ว

ส่วนนักเตะเอซีมิลานก็ฉลองแชมป์กันไปแล้ว แต่แฟนบอลเดอะ ค็อปยังร้องเพลงเชียร์กันต่อไป ถึงแม้ว่าคำว่าแชมป์มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ในระหว่างนั้นก็ยังมีกองเชียร์ของลิเวอร์พูลและคนอื่นยังเป็นการให้กำลังใจแก่นักเตะกันเป็นจำนวนมาก การแข่งขันยูฟ่า

ถึงแม้จะสิ้นหวังถึงแม้จะรู้ว่าอาจจะเสียแชมป์ไปแล้วก็ได้หรือไม่มีหวังที่จะต้องต่อสู้ไปแล้วแต่เขาก็ยังอยากจะสู้ต่อไปถึงแม้ว่ามันจะแพ้ก็ตามทีนักเตะเองหรือกองเชียร์ก็ยังอยากจะเชื่อในทีมและตัวของนักเตะและคอยให้กำลังใจไม่ห่างจนทีมต้องลุกสู้อีกครั้ง

ปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล ศึกยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก2005 ปาฏิหาริย์สำหรับแฟนบอลที่กลับมาได้แบบพลิกนรก

เริ่มครึ่งเวลาหลังมาเพียง 9 นาทีลิเวอร์พูลได้ประตูตีไข่แตกจากกัปตันทีมอย่างสตีเว่น เจอร์ราดที่โหม่งลูกเปิดของยอร์น อาร์น ริเซ่เข้าไป ต่อมาอีก2 นาที ทีมแดนผู้ดีได้ประตูจากลูกยิงไกลสุดสวยของซิมิเซอร์ อีกเพียง4นาทีต่อมา สตีเว่น เจอร์ราด

ถูกทำฟาล์วในเขตโทษโดย กัสตูโซ่ และผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษ เป็นชาบี อลอนโซ่ที่สังหารพลาดแต่สามารถซ้ำเข้าไปได้ เอ ซี มิ ลาน 2005 ลิเวอร์พูลสามารถตีเสมอได้อย่างมหัศจรรย์ โดยใช้เวลาเพียง 6 นาที ลิเวอร์พูลสามารถยือเยื้อผลการแข่งขันจนต้องต่อเวลาพิเศษ

ในช่วงต่อเวลาพิเศษทีมดังจากแดนมะกะโรนีสามารถหลุดเดี่ยวและมีโอกาสทองอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่ผ่านมือของนายประตูอย่างเจอร์ซี่ ดูเด็ค จนต้องมาดวลกันที่จุดโทษ การดวลจุดโทษในครั้งนี้สูสีมากจนมาถึงลูกตัดสิน ซึ่งสกอร์จุดโทษอยู่ที่ 2-2 UFABET

แต่ลูกสุดท้ายของฝั่งลิเวอร์พูลสามารถยิงเข้าไปได้ ลูกสุดท้ายของเอซีมิลาน เป็น อังเดร เชฟเชงโก้สังหารแต่ เจอร์ซี่ ดูเด็คสามารถเซฟเอาไว้ได้ และลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 5 ได้อย่างปาฏิหารย์ ซึ่งในเกมนี้แมน อ็อฟเดอะแมตช์ไม่ใช่ราฟาเอล เบนิเตซ

สตีเว่นเจอราด หรือ เจอร์ซี่ดูเด็ค แต่แมนอ็อฟเดอะแมตช์ในเกมนี้ คือ แฟนบอล ลิเวอร์พูลทั่วโลกที่แม้ทีมจะตามอยู่ก็ยังร้องเพลงเชียร์อย่างไม่หยุดหย่อน และเกมนี้จะเป็นเกมที่แฟนบอลลิเวอร์พูลทุกคนไม่มีวันลืม เป็นแมตช์หยุดโลกที่ทุกคนต้องจดจำกันไปตลอดกาล

ความรู้สึกของแฟนบอล ในช่วงเวลานั้น ที่ได้เข้าไปชมเกมแห่งปาฏิหาริย์ที่กลายเป็นแมตช์แห่งประวัติศาสตร์

ชมเกมที่มีบรรยากาศยอดเยี่ยมมาแล้วหลายต่อหลายนัด แต่เกมเหล่านั้นมันก็ธรรมดาๆ แต่ไม่ใช่อย่างในอิสตันบูลแน่นอน การต้องตามหลัง 3-0 ในช่วงพักครึ่งไม่ได้อยู่ในหัวของพวกเราเลยตอนที่ออกมาจากบ้านถูกทำให้อับอายต่อหน้าแฟนบอลครึ่งค่อนโลก

แต่เราก็มุ่งมั่นที่จะแสดงให้มิลานและทีมอื่นในยุโรปได้รู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง ปาฏิหาริย์ ลิเวอร์พูล เราเริ่มร้องเพลง Youll Never Walk Alone ประมาณ 5 นาที ก่อนที่พวกนักเตะที่เดินออกมา และก็เริ่มเกิดความรู้สึกว่าจะมีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้นตอนที่ลูกแรกเข้าประตูไป อย่างน้อยเราก็กู้หน้าคืนมาได้

แต่เราได้ประตูมาเร็วมาก ทำให้ผมเริ่มมาคิดว่าเราอาจจะกลับมาสู่เกมได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สิ่งที่ทำให้มันน่าจดจำก็คือ มิลานทีมนี้เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก มีคาฟู มัลดินี กาก้า แต่เราก็ฉีกพวกเขาเป็นชิ้นตอนที่ประตูที่สองเข้าไป ทุกอย่างบนอัฒจันทร์

มันบ้าคลั่งไปหมด มันเหลือเชื่อมากๆเหมือนอยู่ในความฝัน แต่ตอนต่อเวลาพิเศษเราหมดแรงไม่เหลือแล้ว ปาฏิหาริย์ แอ น. ฟิลด์ สตีเวน เจอร์ราร์ด ต้องมาเล่นแบ็คขวา และเราก็หวังพึ่งได้แต่การดวลจุดโทษ พวกเราเกร็งกันมากๆ ตอนที่ดูเด็คเซฟลูกยิงของเชฟเชงโก้ได้

ที่นั่งฝั่งลิเวอร์พูลก็ระเบิดออกมาเลย ผมไม่เคยได้รู้สึกถึงความรู้สึกแบบนี้เลย ไม่มีใครอยากออกจากสนาม พวกเราทุกคนล้วนอยากจะดื่มด่ำกับบรรยากาศให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันมีอิทธิพลต่อผมมากจนผมเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งเกี่ยวกับวันนั้นทั้งนั้นเลย

ย้อนดูผู้เล่นตัวจริงในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก ปี2005ของฝั่งลิเวอร์พูล

ผู้จัดการทีม ราฟา เบนิเตซ ผู้รักษาประตู เจอร์ซีย์ ดูเด็ค แบ็กขวา สตีฟ ฟินแนน เซนเตอร์ฮาล์ฟ เจมี่ คาร์ราเกอร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟ ซามี่ ฮูเปีย แบ็กซ้าย ฌิมี่ ตราโอเร่ ปีกขวา หลุยส์ การ์เซีย มิดฟิลด์ตัวกลาง ชาบี อลอนโซ่ มิดฟิลด์ตัวกลาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด

แบ็กซ้าย ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ มิดฟิลด์ตัวรุก แฮร์รี่ คีเวลส์ กองหน้า มิลาน บารอส ผู้รักษาประตู สก็อตต์ คาร์สัน แบ็กขวา โฆเซมี่ มิดฟิลด์ตัวกลาง อิกอร์ บิสคาน ปีกขวา อันโตนิโอ นูนเยซ กองกลางตัวรับ ดีทมาร์ ฮามันน์ มิดฟิลด์ตัวรุก วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ กองหน้า ฌิบริล ซิสเซ่

เมืองอังกฤษนำเสนอบทความว่า ฮ๊โร่ ชุดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 ที่อิสตันบูล กระจัดกระจายหายหน้าไปทำอะไรกันบ้างในตอนนี้ ลิเวอร์พูล ชุดแชมป์ ยู ฟ้า 2005 หลังผ่านวันแห่งความสำเร็จนี้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่ดวลจุดโทษชนะ เอซี มิลาน ได้อย่างพลิกนรกสุดๆ

จะเรียกว่า ปาฏิหาริย์ ก็ไม่เกินไปนัก สำหรับตลอด 2 ชั่วโมงเศษ ๆ ในค่ำคืนวันนั้น ‘หงส์แดง’ ในฐานะตัวแทนจากเกาะอังกฤษ เจอกับ ยอดทีมแห่งยุค เอซี มิลาน ที่ทุกขุมกำลังเต็มไปด้วยแข้งระดับพระกาฬแต่ยังไงลิเวอร์พลูก็ชนะเอามาได้แบบฉิวเฉียด

และได้รับชัยชนะอย่างสวยงามและเป็นหน้าเป็นตาของทีมลิเวอร์พลูเป็นอย่างมากกองเชียร์ก็ต่างพากันดีใจและร้องเพลงให้ลิเวอร์พลูทร่ได้แชมป์และเอาชนะมาได้อย่างสวยงามนี่คือตำนานของทีมและนักเตะที่ทรงคุณค่าของทีมเมื่ออดีตที่ทำให้จนจำไปตลอดกาล