นักฟุตบอลLGBTQ+ เรื่องราวของนักเตะที่ถูกบูลลี่มากที่สุด นักเตะที่ออกมายอมรับในยุค90
นักฟุตบอลLGBTQ+ เรื่องราวของนักเตะที่ถูกบูลลี่มากที่สุด หนึ่งในเรื่องราวน่ายกย่อง และการต่อสู้ที่ ต้องถูกเสียงสังคมต่างๆ แม้แต่สื่อแฟนบอล ทีมตัวเองและอีกหลากหลาย ปัญหาของอดีตนักเตะเพศทางเลือกในยุค90
กับเรื่องราวของ แกรม เลอ โซซ์ หนักเตะที่ถูกบูลลี่ว่าเป็นเกย์ อย่างหนักหน่วง ในช่วงที่เพศทางเลือก ยังไม่มีที่ยืนในสังคม แต่นักเตะคนนี้ กับถูกบูลลี่และ กลั่นแกล้งต่างๆ แม้แต่สื่อท้องถิ่นในประเทศเพียงเพราะเป็นเกย์
โดยเราจะพาไป ทำความรู้จักกับเรื่องราวของนักเตะ ที่ต่อสู้และ ถูกบูลลี่อย่างหนัก จากการเป็นนักฟุตบอล ที่เป็นเกย์นั่น ทำให้นักฟุตบอลที่ไม่ได้เป็นตามขนบแบบเดิมๆ มักจะถูกเป็นเป้าโจมตี ไปจนถึงล้อเลียนว่าเป็นเกย์ เกมออนไลน์
ท่ามกลางยุคที่ ยังไม่มีการณรงค์ เรื่องสิทธิและความเท่าเทียมทางเพศ ไม่ว่าจะชาย-หญิง หรือ LGBTQ+ มากนัก ซึ่งคนที่ประสบกับเรื่องทำนองนี้มากที่สุดในยุค 90s ก็คือแกรม เลอโซซ์ อดีตแบ็คซ้ายของเชลซี
โดยในวันนี้เราจะพาไป ติดตามเรื่องราว สุดทรมานของ แบ็คจอมบุกทีมชาติอังกฤษ ที่ตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้ง มากว่าทศวรรษได้ในเว็บไซต์ของเรา โดยเส้นทางของเลอโซซ์และสโมสรฟุตบอลเชลซีนั้น
เริ่มต้นจากการที่ จอห์น ฮอลลิน ผู้จัดการทีมของเชลซี ในตอนนั้นได้ติดตามฟอร์ม ค ล็ อป ป์ ด อ ร์ ท มุ น. ด์ ของนักเตะคนนี้ และรู้สึกถูกอกถูกใจกับ การเล่นของเลอโซซ์ เข้าอย่างจัง จึงได้เซ็นสัญญา คว้าตัวเขามา เล่นในทีมเยาวชนของ สิงห์บลูตั้งแต่ปี 1987
แต่ชีวิตภาคแรกของเลอโซซ์ กับสีเสื้อน้ำเงินของเชลซี ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะแม้ว่า จะได้รับโอกาสลงสนามไปไม่น้อย แต่ความขัดแย้งกับ เอียน พอร์ทเตอร์ฟิลด์ ผู้จัดการทีม หลังไม่พอใจที่ถูกเปลี่ยนตัวออก
และปฏิเสธที่จะนั่ง เป็นตัวสำรอของทีม กับฝีเท้าของเขาที่เชื่อมั่นว่า เขาสามารถเล่นในตำแหน่งตัวจริงได้ ทำให้เขาถูกขายให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในเดือนมีนาคม 1993 และที่นี้เองที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักและโด่งดัง
นักฟุตบอลLGBTQ+ เรื่องราวของนักเตะที่ถูกบูลลี่มากที่สุด แกรมเลอโซซ์นักเตะที่ถูกบูลลี่ว่าเป็นเกย์ทั้งที่ไม่ใช่ความจริง
โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราว ที่ไม่มีใครอยากจะ ให้เกิดขึ้นเด็ดขาด กับการบูลลี่กันในโลกฟุตบอล โดยเฉพาะกับนักเตะคนนี้ อย่างเลอโซซ์ที่ออกมาเผยว่า การโดนล้อเลียน และเรื่องราวการบูลลี่ว่าเป็นเกย์เป็นเรื่องเลวร้าย
และไม่ตลกเลย โดยเขาได้บอกกับนักเตะ ทุกคนว่าหากคุณจะเป็นนักฟุตบอล ค ล็ อป ป์ เล วาน ห้ามเปิดเผยตัวเองว่าเป็นLGBTQ+ หรือเพศทางเลือกเด็ดขาด เพราะจะถูกบูลลี่อย่างหนัก เหมือนกับเคสของเขา ที่ต้องเจอสมัยค้าแข้ง
โดยเริ่มต้นมันเริ่มจากการที่ เขาถูกล้อเล่นกับขำขัน และพูดกันตลกๆ กันในค่ายฝึกซ้อมในสโมสรเชลซี และเลอโซซ์ก็เลือกที่จะเงียบ และไม่คิดว่ามันคือ เรื่องใหญ่อะไร จนกระทั่งแฟนบอล ของ เวสต์แฮม แต่งเพลงล้อเลียนเขาในเรื่องนี้
เรื่องนี้เกิดขึ้นใน วันที่7 กันยายน 1991 เชลซีมีคิวไปเยือน อัพตัน พาร์ค ในลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ในขณะที่ เลอโซซ์ ได้บอลทางกราบซ้าย และเตรียมจ่ายโด่ง เข้าไปในแดนคู่แข่ง เขาก็ได้เสียงร้องเพลงของแฟนบอลเจ้าบ้าน
จากอัฒจันทร์ฝั่ง North Bank ว่า เลอโซซ์ชอบเอาทางตูด ซึ่งนั้นคือจุดเริ่มต้นและมันมากเพิ่มขึ้น ทุกนัดและเริ่มมาบ่อยขึ้น ซึ่งมันทำให้เขาเครียด เพราะเขานั้น มีทั้งลูกและเมีย ไม่ได้เป็นเพศทางเลือกหรือ ชอบเพศเดียวกันด้วยซ้ำ UFABET
โดยทางตัวของเลอโซซ์ ยืนยันมาตลอดว่า เขาไม่ได้มีรสนิยม ชอบเพศเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับนักเตะที่เป็นเกย์ แม้ต้องใช้ห้องแต่งตัวร่วมกัน เพราะเขาไม่ได้รู้สึกรังเกลียด หรือเป็นแบบนั้น แต่การถูกล้อหนักทำให้เขาเครียด
นักฟุตบอลLGBTQ+ เรื่องราวของนักเตะที่ถูกบูลลี่มากที่สุด กับความผิดหวังที่เขาต้องเจอ
โดยต้องยอมรับว่า ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริง ที่เลอโซซ์เป็นเกย์ แต่ประเด็นของมัน อยู่ที่สภาพสังคมที่ ไม่ได้ยอมรับในเรื่องนี้ สามารถทำลายชีวิตเขาได้ทั้งชีวิต ทำให้เขาพยายาม ปฏิเสธอย่างจริงจังมาโดยตลอด
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าจะ ไม่มีใครสนใจเลย แถมมันยังทวีคูณมากขึ้น เพราะยิ่งเขามี ชื่อเสียงมากเท่าไร เขาก็ยิ่งตกเป็น เป้าโจมตีในเรื่องนี้ อย่างหนักจากคู่แข่ง โดยทาง เพียร์ส มอร์แกน ผู้ประกาศและพิธีกรชื่อดัง ประวัติพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
เคยกล่าวถึงในเรื่องนี้ไว้ว่า ไม่มีใครสนใจ ว่าเลอโซซ์ จะเป็นเกย์หรือไม่ เด เล่ อั ล ลี่ แต่ความเป็นจริง การที่เขายอมรับว่าเขาอ่าน The Guardian ทำให้เขากลายเป็นชายที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีมากที่สุดในโลกฟุตบอล
โดยจุดพีคมาอยู่ที่ เชลซี มาได้ฟรีคิก ซึ่งเลอโซซ์ คือผู้รับหน้าที่ เตะลูกตั้งเตะ ในระหว่างที่กองหลังของลิเวอร์พูล กำลังตั้งกำแพง ฟาวเลอร์ ก็ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด ด้วยการตบไปที่บั้นท้ายของตัวเองแล้วพูดว่า “มาเลยๆ เดี๋ยวจะให้เอาตูด”
จังหวะดังกล่าวทำให้ เลอโซซ์นั้นโกรธสุดขีด เพราะเกมนั้น ภรรยาและลูก ของเขาก็เข้ามาชมเกม มันคือการดูหมิ่น อย่างน่าเกลียด ทำให้เขาปฏิเสธที่ จะเล่นลูกฟรีคิก เพื่อประท้วงการกระทำ ของกองหน้าคู่แข่ง
อย่างไรก็ดี แทนที่ผู้ตัดสินใจ จะตักเตือน หรือลงโทษฟาวเลอร์ กลับกัน เขากลับแจกใบเหลืองให้ เลอโซซ์ด้วยข้อหา เจตนาถ่วงเวลา และที่สำคัญตอนนั้น ไม่มีเพื่อนร่วมทีมเชลซี แม้แต่คนเดียว ที่เข้ามาช่วยปกป้อง หรือแก้ต่างให้เขา
หลังเกมเขาพยายาม ไปขอคำอธิบาย จากผู้ตัดสิน แต่ก็เปล่าประโยชน์ เป๊ ป ก ว่า ร์ ดิ โอ ล่า ig ไม่มีใครให้คำอธิบายกับเขาได้ เขารู้สึกแย่กับเรื่องนี้มาก เพราะมันไม่ใช่เรื่องเป็นเกย์ หรือไม่ได้เป็นเกย์ แต่มันคือการดูหมิ่นเหยียดหยามแบบซึ่งหน้า
เกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ ซึ่งไม่ว่าเขาจะเป็นเกย์ หรือไม่ได้เป็นเกย์ แต่การถูกล้อเลียน และนักเตะที่กำลังอยู่ในสนาม กับทำท่าทางแบบนั้น เพื่อล้อเลียนเขา เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เขายิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น เมื่อไม่มีใครมาช่วยเขาเลย
ด้วยความก้าวหน้าและโลกที่เปิดใจยอมรับมากขึ้นทำให้มีนักเตะเปิดตัวมากขึ้น
ซึ่งต้องยอมรับว่า ด้วยโลกที่ก้าวไป ข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และผู้คนเริ่ม ให้การยอมรับ LGBTQ+ มากขึ้น จนทำให้มี นักฟุตบอลที่เป็นเกย์ เริ่มออกมาเปิดตัวมากขึ้น ซึ่งที่โด่งดังที่สุด คงจะเป็นกรณีของ โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์
อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมัน ที่ออกมายอมรับหลังแขวนสตั๊ดเมื่อปี 2014 แต่ก็ออกมายอมรับหลังจากการแขวนสตั้ดแล้ว และเลอโซซ์ ก็เป็นนักฟุตบอลรายแรกๆ ที่ออกมาสนับสนุน ดาวเตะชาวเยอรมัน
โดยเขามองว่านี้ เป็นเรื่องที่ดี แต่เขาก็ยืนยันว่า ไม่ควรกดดัน ให้นักฟุตบอลที่เป็นเกย์ ออกมาเปิดตัวและ หากไม่พร้อมกับแรงกดดัน และการตกเป็นเป้าของการโจมตี จากแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม ก็ให้รอพร้อมก่อน ค่อยพูดออกมาเอง
กับการหวังให้ในสนามฟุตบอลทุกคนเท่าเทียมกันไม่มีการเหยียดกันเกิดขึ้น
โดยหากเป็นแฟนบอลคงจะ รู้ดีว่าการเหยียดกันในสนาม หรือแม้แต่การเหยียดของ กองเชียร์ใส่นักเตะผิดสี หรืออีกมากมาย ที่ตลอดทุกฤดูกาล ซึ่งไม่ว่าจะรณรงค์ หรือโลกนี้ก้าวไปไกลแค่ไหน แต่เรื่องนี้ก็ยังมีอยู่
ในปี 2016 เลอโซซ์ได้เขียนบทความ สนับสนุนการเปิดตัว ของนักฟุตบอลLGBTQ+ โดยเน้นย้ำไปที่การเปิดใจ ยอมรับความเป็นมนุษย์ ของทุกคน และต่อต้าน การเหยียดทุกประเภท เพื่อไม่ให้ใคร ต้องเดินซ้ำรอย อย่างที่เขาต้องเผชิญ