มังงะ

มูรินโญ่ปัจจุบัน หมดยุคมูรินโญ่แล้วหรือ มูรินโญ่โค้ชฟุตบอลระดับชั้นนำ

มูรินโญ่ปัจจุบัน หมดยุคมูรินโญ่แล้วหรือ โชเซ่ มูรินโญ่โค้ชชื่อดังที่คว้าแชมป์ได้มากมาย

มูรินโญ่ปัจจุบัน หมดยุคมูรินโญ่แล้วหรือ มูรินโญ่ สเปอร์ส กับคำถามที่แฟนบอลส่วนใหญ่ ต้องเคยคิดและ หลายคนน่าจะทราบ กันดีอยู่แล้วว่า มูรินโญ่นั้นคือ โค้ชชื่อดังที่ ประสบความสำเร็จ เป็นอย่างมากตั้งแต่ช่วงยุค2000

เป็นโค้ชที่คว้าแชมป์มาอย่าง มากมายแทบไม่เคย ขาดแชมป์เลยก็ว่าได้ แต่กับช่วงหลังนี้ กับ3สโมสรล่าสุด ที่คว้าน้ำเหลว ไม่สามารถพาสโมสรที่คุม ขึ้นสู่อันดับต้นๆ และไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย

เรียกว่าล่มเหลว แม้แต่ทีมปัจจุบัน อย่างโรม่าเอง ก็ไม่ได้มีทีท่า ว่าจะสามารถลุ้มแชมป์อะไรได้เลย เพียงแค่พิ้นที่ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก สำหรับโรม่าในยุค มูรินโญ่ก็มองว่า เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมาก มังงะ

เรียกว่าบอลมูรินโญ่ สไตร์ของเขาและ มูรินโญ่น่าจะกลับมาใน ระดับท๊อปได้ยากเป็นอย่างมาก เพราะหากย้อนกลับไป 10ปีก่อน เชื่อว่าแฟนบอลทุกคน จะหากุนซือคนไหน ที่เก่งมากกว่า โชเซ่ มูรินโญ่คนนี้

เชื่อได้เลยว่ามี แค่ไม่กี่ชื่อ นับนิ้วได้แค่ ไม่กี่คนเท่านั้น สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ มูรินโญ่เป็นกุนซือ ที่ให้ความสำคัญ ของผลลัพธ์ในการแข่งขัน มากที่สุดเป็นอันดับ1 แบบที่ไม่เคยมีใคร ทำได้ดีเท่ากับเขามาก่อน

หรือที่เรียกกันว่า บอลเน้นผล ซึ่งผลลัพธ์ที่ว่านั้นคือ ต้องชนะโดยการมีแต้มให้ได้ เพราะมันคือสิ่งที่ ชี้ขาดทุกอย่าง และไม่สามารถ หาข้อโต้แย้งกันได้ ชนะก็คือชนะ และชัยชนะก็จะ ทำให้คุณเป็นแชมป์

นั่นแหละคือสิ่งที่ มูรินโญ่ทำ ไม่ว่าจะเป็น การพา เอฟซี ปอร์โต้ คว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ในปี2004 พาเชลซี ครองความยิ่งใหญ่ ในพรีเมียร์ลีก ในการคุมทีมรอบแรก และการพา อินเตอร์ มิลาน คว้า 3 แชมป์ในปี 2010

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เพราะปรัชญา ที่ชัดเจนที่สุดของเขานั่นคือ การเล่นเกมรับ โร มา มู ริน โญ่ แล้วหากทีมสามารถขึ้นนำได้ แม้เพียงหนึ่งประตู สิ่งที่มูรินโญ่ เลือกที่จะทำคือ การเล่นเกมรับ แล้วอุดหน้าประตู หรือที่เรียกว่า แผนรถบัส

มูรินโญ่ปัจจุบัน หมดยุคมูรินโญ่แล้วหรือ ฟุตบอลสไตร์มูรินโญ่ที่เน้นในเกมรับ

เกมรับ นี้คือสไตร์บอลของมูรินโญ่ที่ แฟนบอลทั่วโลกต่างรู้จักกัน ข่าวมูรินโญ่ นี้ไม่ใช่ฟุตบอลสไตร์ ที่สวยงาม หรือบุกดุดัน แต่นีคือฟุตบอล ที่สามารถเน้นผลของ การแข่งขันในสนาม ได้เป็นอย่างดี สิ่งนี้พิสูจน์ด้วย ถ้วยรางวัลจำนวนมาก

นี้คือฟุตบอลสไตร์ของมูรินโญ่ ทีมของมูรินโญ่ โดดเด่นเรื่องนี้ มาเสมอในยุคแรกๆ ความเหนียวแน่น ความสามัคคี การจัดระเบียบ ในแผงหลัง เรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นสิ่งที่เป็นเหมือนกับ DNAของมูรินโญ่

ในการทำทีม ตั้งแต่สมัยที่เขา ยังไม่ได้จับงานเฮดโค้ชเลยด้วยซ้ำ ในยุคที่มูรินโญ่ เป็นผู้ช่วยของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่ บาร์เซโลน่า เนื้อหางานหลักที่ เซอร์ บ็อบบี้ มอบให้เขาก็คือการสร้างเกมรับ

ออกแบบการฝึกซ้อม ซึ่งมูรินโญ่ก็ทำได้ดี จนร็อบสัน เคยชื่นชมผ่านสื่อมาแล้ว การเริ่มจากจุดดังกล่าวทำให้ มูรินโญ่ เดินบนเส้นทางนั้น เรื่อยมา และแน่นอนว่า การทำสิ่งที่ถนัดที่สุด มันย่อมได้งาน ที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ตำแหน่งลิเบโร

นักเตะที่เคยทำงานกับ มูรินโญ่จาก 3 ทีมที่กล่าวมาในข้างต้น พูดตรงกันหมด ถึงปรัชญาของ มูรินโญ่นั่นคือ ทำตามที่เขาสั่ง มีสมาธิตลอดทั้งเกม และยึดมั่น กับการเล่นเกมรับ เป็นอันดับ 1ในเรื่องแท็คติกในสนาม ต้องเน้นเกมรับ

เพราะเขาเชื่อว่ายิ่ง เป็นฝ่ายครองบอล มากเท่าไร จะยิ่งมีโอกาส ที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นเท่านั้น โดยมูรินโญ่ทุ่มเท และลงรายละเอียดในงาน ของเขาอย่าง ละเมียดละไม แทคติกเกมรับของมูรินโญ่ ในตอนนั้น

ใครเจอก็ต้องปวดหัว เจาะยังไงก็ไม่เข้า และยังมีหมัดสวน ที่ซักซ้อมกันมา โช เซ มู รี น. โย ทีมที่ เคย โค้ช เป็นอย่างดีมูรินโญ่ จะเล่นอย่างใจเย็น บีบให้คู่แข่งของ พวกเขาลนลาน และขาดความมั่นใจ ชนิดที่ว่า บุกตั้งนานยิงไม่เข้า เจอสวนทีเดียวเสียประตู

มูรินโญ่ปัจจุบัน

มูรินโญ่ปัจจุบัน หมดยุคมูรินโญ่แล้วหรือ สไตร์ฟุตบอลที่ทุกคนเห็นผลลัพธ์ดี แต่ทำตามได้ยาก

สไตร์ฟุตบอลของเขา ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ข่าวมูรินโญ่ โรม่า และไม่ง่ายในการทำตาม นี้คือฟุตบอลที่เน้นและ ละเอียดมากในการป้องกัน สมาธิและนักเตะ ในทีมต้องพร้อม เพื่อเล่นในรายละเอียด ของเกมรับให้ละเอียดแบบที่สุด จนได้ชัยชนะ

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้น จากการทำงานหนัก ของเขาทั้งสิ้น มูรินโญ่รักเกมรับ ของเขามาก และอ่านสถานการณ์ ล่วงหน้าเสมอ วิคเตอร์ บาย่า นายทวารของ ปอร์โต้ก็เคย ให้สัมภาษณ์ว่ามูรินโญ่ เคยสั่งให้นักเตะปอร์โต้

ซ้อมเล่นเกมรับ 10คน เป็นเวลา 90 นาทีเต็ม ในเกมที่พวกเขา จะต้องไปเยือน เบนฟิก้า คู่ปรับตลอดกาล โดยมูรินโญ่ ให้เหตุผลกับ นักเตะในทีมว่า เขาเชื่อว่าใน เกมเยือน ที่มีแฟนบอลเจ้าบ้านเต็มความจุ

นักเตะเจ้าบ้าน จะต้องบี้ทีม ของเขาให้อยู่ในแดนตัวเอง โจมตีจากทุกทิศทาง จากสถานการณ์นี้ จะต้องมีนักเตะ คนใดคนหนึ่งพลาด และกรรมการจะ ทนความกดดัน จากเสียงเชียร์

และสถานการณ์ ในสนามไม่ไหว จนต้องแจกใบแดง ให้นักเตะของปอร์โต้ นี่คือสิ่งที่เขา คาดการณ์ไว้ และเกมนั้นปอร์โต้ ก็มีนักเตะโดนใบแดงจริงๆ สิ่งที่ตามมาก็คือ นักเตะของพวกเขาตั้งรับได้อย่างสบายๆ

และฉวยจังหวะ ที่มีไม่มากนัก ได้สำเร็จ ส่งเบนฟิก้า ให้กลายเป็น ทีมที่พ่ายแพ้ไป การจะทำในสิ่งที่ มูรินโญ่ทำได้ ไม่ใช่แค่ การทำงานหนัก กับแทคติกและ วิธีการเล่นเท่านั้น แต่มันคือการควบคุมนักเตะของตัวเองให้ได้ด้วย

เริ่มต้นยุคสมัยที่นักฟุตบอลใหญ่กว่าสโมสร และโค้ชไม่สามารถคุมนักเตะได้แบบเต็ม100เหมือนสมัยก่อน

หากพูดถึงฟุตบอลยุคนี้นั้น ในยุคโซเชียล มูรินโญ่ คุมทีมไหน และมูลค่าของนักเตะต่างๆ มันเพิ่มมากขึ้น และมันสูงขึ้นมาก โซเชียลต่างๆ เริ่มเข้ามามีบทบาท และมีความสำคัญมากขึ้น ทำให้ในช่วงยุคหลัง มูรินโญ่ไม่สามารถคุมทีมได้แบบเต็มที่

โดยมันเริ่มต้นจาก ที่ เรอัล มาดริด แม้จะได้แชมป์ลีกกับโคปา เดล เรย์ อย่างละ 1สมัย แต่ก็ตามหลัง บาร์เซโลน่า มากโข, ที่สโมสรเชลซี ในการคุมทีมรอบ2 แม้จะได้แชมป์ลีก และลีกคัพอย่างละ 1สมัย

แต่หลังจากนั้น ก็ได้เจอประสบการณ์ใหม่ ที่เขาไม่เคยเจอ นั่นคือการโดน ลูกทีมหมางเมิน และไม่ให้ความเคารพ จากนั้นมันก็ ชัดมากขึ้น อีกที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่ทุกคนรู้ว่า นักเตะกับมูรินโญ่ มีปัญหากัน

และทุกคนอาจจะ ได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น กับงานปัจจุบันของเขาที่ โรม่าในเวลานี้ด้วย ก็ย่อมได้ ด้วยจากยุคสมัย และบอลแบบบุกเน้นครองบอล จบคมๆ ครองบอลเยอะๆ สามารถประสบความสำเร็จได้มากกว่า

การคุมห้องแต่งตัวและสามารถควบคุมลูกทีมได้คือสิ่งที่มูรินโญ่ไม่สามารถทำได้

โดยดูได้จากการปลดของเขา ในช่วงยุคหลังได้เลยว่า ทุกครั้งที่มีการปลด เขาออกจากตำแหน่งโค้ช ไม่ว่าจะเชลซีรอบที่สอง เรอัลมาดริด, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มูรินโญ่ มาดริด และแม้แต่ท๊อตแนมฮ็อตสเปอร์ก็ตาม

ส่วนใหญ่มักจะมี ข่าวทะเลาะนักเตะ ทุกครั้งออกมาเสมอ เพราะมูรินโญ่ เป็นโค้ชที่มีความเชื่อ เรื่องการใช้ยาแรง กระตุ้นนักเตะ ตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น และบางครั้งเขา เป็นคนที่ชอบให้คำวิจารณ์ต่อหน้าสื่อเป็นแรงขับ

สร้างแรงกดดัน ให้นักเตะ เพื่อให้นักเตะ ของเขาเอาชนะสิ่งที่เขาพูด ซึ่งในอดีตมัน อาจจะพอทำได้ แต่ตอนนี้ ทุกครั้งที่มูรินโญ่ คุมทีมสิ่งที่มีข่าวคราว ตามมาเสมอนั่น คือการไม่ได้รับการยอมรับจากลูกทีม

Scroll to Top